ก่อนจะเริ่มวางบิลจริง หนึ่งในสิ่งที่มือใหม่ควรเข้าใจคือ “คำศัพท์ราคาบอล” ซึ่งครอบคลุมทั้งคำที่ใช้เรียกอัตราต่อรอง เช่น 0.25, 1.5 หรือ “ครึ่งควบลูก” ไปจนถึงคำที่ใช้ในผลการเดิมพันอย่าง “ได้เต็ม”, “เจ๊า”, หรือ “เสียครึ่ง”
บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจคำศัพท์ราคาบอลอย่างเป็นระบบ แบ่งออกเป็น 2 หมวดหลัก คือ “อัตราต่อรอง” และ “อัตราจ่าย (ค่าน้ำ)” พร้อมตัวอย่างการใช้งานจริง เพื่อให้คุณอ่านบิลเป็น เข้าใจเกม และวางเดิมพันได้อย่างมั่นใจตั้งแต่ครั้งแรก
สารบัญเนื้อหา
คำศัพท์ราคาบอล สำคัญยังไง ทำไมต้องรู้ก่อนเริ่มเดิมพัน?

คำศัพท์ราคาบอลไม่ใช่แค่คำเฉพาะทางที่ใช้ในวงการเดิมพันเท่านั้น แต่มันคือ “พื้นฐานที่ใช้ในการสื่อสารและวิเคราะห์” ของการแทงบอลเกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น บอลเต็ง, บอลสเต็ป, หรือแม้แต่ แทงบอล 1X2 ไปจนถึงการดูโพย จัดบิล และการเช็กผลแพ้ชนะในแต่ละคู่
หากคุณไม่เข้าใจคำเหล่านี้ โอกาสที่จะวางบิลผิด หรือไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้หรือเสียเงิน ย่อมเกิดขึ้นได้ง่าย เพราะบางครั้งแม้แต่ระบบเดิมพันที่ไม่มีแต้มต่อ ก็ยังมีคำศัพท์อย่าง “ค่าน้ำ” หรือ “อัตราจ่าย” เข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ
ยิ่งไปกว่านั้น คำศัพท์เหล่านี้ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้คุณสามารถ “คุยรู้เรื่อง” กับนักเดิมพันคนอื่น วิเคราะห์เกมได้ลึกขึ้น และมองออกว่าราคาที่เว็บเปิดมานั้น “คุ้มค่า” หรือไม่ในแง่ของผลตอบแทน ความเสี่ยง และโอกาสชนะบิลในระยะยาว
การเข้าใจคำศัพท์ราคาบอลจึงไม่ใช่แค่เรื่องของ “ภาษาวงใน” แต่คือทักษะพื้นฐานที่ทุกคนควรมีก่อนเริ่มวางเดิมพันจริง
คำศัพท์ราคาบอล คืออะไร?

คำศัพท์ราคาบอล คือกลุ่มคำที่ใช้เรียกองค์ประกอบต่าง ๆ ของ “ราคาบอล” ซึ่งโดยความหมายแล้ว ราคาบอลคือการรวมกันของ 2 ส่วนสำคัญ ได้แก่ อัตราต่อรอง และ อัตราจ่าย (หรือค่าน้ำ)
อัตราต่อรอง เป็นตัวกำหนดว่าแต่ละทีมจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบในการแข่งขัน เช่น 0.5, 1.0, 1.25
อัตราจ่าย (ค่าน้ำ) เป็นตัวเลขที่กำหนดว่า หากคุณแทงชนะ จะได้รับเงินเท่าไหร่ เช่น +0.85, -0.95, หรือค่าน้ำในระบบ MY, EU, HK
ทั้งสองส่วนนี้มีคำศัพท์เฉพาะที่ใช้เรียกแตกต่างกัน เช่น “ครึ่งลูก”, “ลูกควบลูกครึ่ง”, “ได้ครึ่ง”, “เสียเต็ม”, “ค่าน้ำมาเลย์” ซึ่งมักจะปรากฏอยู่ในทุกบิลเดิมพัน หากคุณเข้าใจคำศัพท์เหล่านี้ได้ครบถ้วน จะสามารถอ่านบิลออกทุกแบบ ไม่ว่าจะเป็นบอลเต็ง บอลสเต็ป หรือ 1X2
ในบทความนี้ เราจะพาคุณทำความเข้าใจคำศัพท์ราคาบอลทั้งหมดโดยแบ่งออกเป็น 2 หมวดหลัก:
คำศัพท์เกี่ยวกับอัตราต่อรอง เช่น ต่อบอล, รองบอล, ครึ่งควบลูก, ปป, ลูกครึ่งควบสอง ฯลฯ
คำศัพท์เกี่ยวกับอัตราจ่ายหรือค่าน้ำ เช่น ค่าน้ำมาเลย์, ค่าน้ำยูโร, ได้เต็ม, เจ๊า, เสียครึ่ง ฯลฯ
คำศัพท์ราคาบอล ในหมวด “อัตราต่อรอง”

คำว่า “อัตราต่อรอง” หรือที่หลายคนเรียกสั้น ๆ ว่า “ราคาต่อ” คือหนึ่งในองค์ประกอบหลักของราคาบอล โดยทำหน้าที่เป็นตัวกำหนดว่า ทีมใด “เป็นต่อ” หรือ “เป็นรอง” ในสายตาของเจ้ามือ พร้อมทั้งสร้างเงื่อนไขในการเดิมพันเพื่อให้การแข่งขันดูสมดุลมากขึ้นในเชิงเดิมพัน
คำศัพท์ที่เกี่ยวกับอัตราต่อรองจะช่วยให้คุณเข้าใจว่าควรลุ้นผลแบบไหน, ฝั่งที่คุณแทงได้เปรียบหรือเสียเปรียบอย่างไร, และจะได้เงินมากน้อยแค่ไหนจากผลการแข่งขันที่เกิดขึ้นจริง หากไม่เข้าใจคำศัพท์เหล่านี้ การวางบิลโดยอิงแค่ทีมที่ชอบ อาจทำให้คุณเสียเปรียบในระยะยาวโดยไม่รู้ตัว
ในหมวดนี้ เราจะพาคุณทำความเข้าใจคำศัพท์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับอัตราต่อรองแบบเจาะลึก ตั้งแต่พื้นฐานอย่างคำว่า “ทีมต่อ”, “ทีมรอง” ไปจนถึงการแปลความหมายของราคาที่เขียนแบบสากลและไทย รวมถึงตัวอย่างผลการเดิมพันที่เกิดขึ้นในแต่ละกรณี
ศัพท์พื้นฐานในหมวดอัตราต่อรอง
ในระบบอัตราต่อรองของการแทงบอล เรามักจะได้ยินคำว่า “ทีมต่อ” และ “ทีมรอง” อยู่เสมอ ซึ่งเป็นคำศัพท์พื้นฐานที่มือใหม่ควรรู้ก่อนวางเดิมพัน เพราะมันเกี่ยวข้องโดยตรงกับการ “ให้แต้มต่อ” ซึ่งส่งผลต่อการคิดผลแพ้–ชนะของบิลโดยไม่เกี่ยวกับผลการแข่งขันจริงแบบตรง ๆ
ต่อบอลคืออะไร?
ต่อบอล หมายถึง ทีมต่อ คือทีมที่ “ได้เปรียบกว่า” ในสายตาของเจ้ามือ เช่น ทีมใหญ่กว่า, ฟอร์มดีกว่า, หรือเล่นในบ้าน ระบบต่อรองจึงกำหนดให้ “ทีมต่อ” ต้องเริ่มเกมด้วย แต้มติดลบ เพื่อให้เกมเดิมพันดูสูสี เช่น ต่อ -0.5 หรือต่อ -1 ลูก ซึ่งหมายความว่า ทีมต่อจะต้องชนะมากกว่าแต้มที่ลบไว้ ถึงจะชนะบิลเดิมพัน
ตัวอย่างเช่น
ถ้าทีม A ต่อทีม B 1 ลูก → ทีม A เริ่มด้วย -1
หากทีม A ชนะ 1-0 → เสมอในเงื่อนไขเดิมพัน = เจ๊า
ถ้าชนะ 2-0 → หักลบแต้มแล้วชนะ 1-0 = ได้เต็ม
รองบอลคืออะไร?
รองบอล หมายถึง ทีมรอง คือทีมที่ “เสียเปรียบ” กว่า เช่น เป็นทีมเยือน ฟอร์มไม่ดี หรืออันดับต่ำกว่า จึงได้รับ “แต้มบวก” จากระบบเดิมพัน เช่น +0.5, +1.0 ซึ่งหมายความว่า ทีมรองไม่จำเป็นต้องชนะจริงเสมอไป ก็สามารถชนะเดิมพันได้ หากผลการแข่งขันไม่ห่างเกินแต้มต่อ
ตัวอย่างเช่น
ถ้าคุณแทงทีม B รอง 1 ลูก → ทีม B เริ่มเกมที่ +1
หาก B แพ้ 0-1 → เพิ่มแต้ม = เสมอ → เจ๊า
หาก B เสมอ หรือ ชนะจริง → ได้เต็ม
💡 เกร็ดความรู้: เหตุผลที่ต้อง “หักแต้ม” หรือ “เพิ่มแต้ม” กับสกอร์จริง ก็เพื่อให้การเดิมพันมีความยุติธรรมระหว่างทีมที่เก่งกว่า (ทีมต่อ) และทีมที่เป็นรอง (ทีมรอง) เช่น ถ้าทีมใหญ่พบทีมเล็ก และไม่มีการต่อแต้มเลย โอกาสชนะของทีมใหญ่ก็จะสูงเกินไป ระบบต่อรองจึงใช้การกำหนดแต้มล่วงหน้าเข้ามา เพื่อให้เกมเดิมพันดูสมดุล และผู้เล่นสามารถเลือกฝั่งที่ “คุ้มค่า” ได้จริง ไม่ใช่แค่ตามทีมที่เก่ง
ตารางจำลองการหักแต้มต่อ
ทีม | อัตราต่อรอง | สกอร์จริง | สกอร์หลังคำนวณแต้มต่อ | ผลการเดิมพัน |
---|---|---|---|---|
ทีมต่อ A | ต่อ 1 ลูก (–1) | ชนะ 1-0 | เสมอ 0-0 | เจ๊า (คืนทุน) |
ทีมรอง B | รอง 1 ลูก (+1) | แพ้ 0-1 | เสมอ 1-1 | เจ๊า (คืนทุน) |
เข้าใจง่าย ๆ คือ:
ทีมต่อ = เริ่มที่ -X แต้ม → ต้องยิงเกินแต้มที่ต่อไว้
ทีมรอง = เริ่มที่ +X แต้ม → แพ้เฉียด ๆ ยังรอดบิลได้
อัตราต่อรองมีผลอย่างไรต่อการคิดเงิน?
อัตราต่อรองไม่เพียงแค่บอกว่าทีมใดเป็นต่อหรือเป็นรองเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวกำหนดหลักว่า คุณจะได้เงินยังไงจากการแทงบอลแต่ละครั้ง เพราะอัตราต่อรองแต่ละแบบจะส่งผลต่อ “ผลลัพธ์การเดิมพัน” ไม่เหมือนกัน ทั้งในแง่ของการได้เต็ม ได้ครึ่ง เจ๊า หรือเสียครึ่ง
เพื่อให้เข้าใจง่ายลองดูตัวอย่างศัพท์อัตราต่อรองที่พบบ่อย พร้อมแยกผลสำหรับทีมต่อและทีมรองดังนี้:
0.0 – เสมอ
แทงทีมต่อ → ชนะ = ได้เต็ม / เสมอ = เจ๊า / แพ้ = เสียเต็ม
แทงทีมรอง → ชนะ = ได้เต็ม / เสมอ = เจ๊า / แพ้ = เสียเต็ม
0.25 – ปป หรือ เสมอควบครึ่ง
แทงทีมต่อ → ชนะ = ได้เต็ม / เสมอ = เสียครึ่ง / แพ้ = เสียเต็ม
แทงทีมรอง → ชนะ = ได้เต็ม / เสมอ = ได้ครึ่ง / แพ้ = เสียเต็ม
0.5 – ครึ่งลูก
แทงทีมต่อ → ต้องชนะเท่านั้นถึงจะได้เงิน / เสมอหรือแพ้ = เสียเต็ม
แทงทีมรอง → เสมอหรือชนะ = ได้เต็ม / แพ้ = เสียเต็ม
0.75 – ครึ่งควบลูก
แทงทีมต่อ → ชนะ 1 ลูก = ได้ครึ่ง / ชนะ 2 ลูกขึ้นไป = ได้เต็ม / เสมอหรือแพ้ = เสียเต็ม
แทงทีมรอง → แพ้ 1 ลูก = เสียครึ่ง / เสมอหรือชนะ = ได้เต็ม / แพ้ 2 ลูกขึ้นไป = เสียเต็ม
1.0 – หนึ่งลูก
แทงทีมต่อ → ชนะ 1 ลูก = เจ๊า / ชนะ 2 ลูกขึ้นไป = ได้เต็ม / เสมอหรือแพ้ = เสียเต็ม
แทงทีมรอง → แพ้ 1 ลูก = เจ๊า / เสมอหรือชนะ = ได้เต็ม / แพ้ 2 ลูกขึ้นไป = เสียเต็ม
1.25 – ลูกควบลูกครึ่ง
แทงทีมต่อ → ชนะ 1 ลูก = ได้ครึ่ง / ชนะ 2 ลูกขึ้นไป = ได้เต็ม / เสมอหรือแพ้ = เสียเต็ม
แทงทีมรอง → แพ้ 1 ลูก = เสียครึ่ง / เสมอหรือชนะ = ได้เต็ม / แพ้ 2 ลูกขึ้นไป = เสียเต็ม
1.5 – ลูกครึ่ง
แทงทีมต่อ → ต้องชนะ 2 ลูกขึ้นไปถึงจะได้เต็ม / ชนะ 1 ลูกหรือน้อยกว่า = เสียเต็ม
แทงทีมรอง → แพ้ 1 ลูก = ได้เต็ม / แพ้ 2 ลูกขึ้นไป = เสียเต็ม / เสมอหรือชนะ = ได้เต็ม
1.75 – ลูกครึ่งควบสอง
แทงทีมต่อ → ชนะ 2 ลูก = ได้ครึ่ง / ชนะ 3 ลูกขึ้นไป = ได้เต็ม / ชนะ 1 ลูกหรือน้อยกว่า = เสียเต็ม
แทงทีมรอง → แพ้ 2 ลูก = เสียครึ่ง / แพ้ 3 ลูกขึ้นไป = เสียเต็ม / เสมอหรือชนะ = ได้เต็ม
2.0 – สองลูก
แทงทีมต่อ → ชนะ 2 ลูก = เจ๊า / ชนะ 3 ลูกขึ้นไป = ได้เต็ม / ชนะ 1 ลูกหรือน้อยกว่า = เสียเต็ม
แทงทีมรอง → แพ้ 2 ลูก = เจ๊า / แพ้ 3 ลูกขึ้นไป = เสียเต็ม / เสมอหรือชนะ = ได้เต็ม
คำศัพท์ไทยที่ใช้เรียกอัตราต่อรองแบบต่าง ๆ (แปลจากราคาสากล)

แม้เว็บเดิมพันส่วนใหญ่จะแสดงอัตราต่อรองเป็นตัวเลขทศนิยม เช่น 0.25, 0.5, 0.75 ฯลฯ แต่ในหมู่นักเดิมพัน โดยเฉพาะในไทย มักใช้ตัวเขียนและศัพท์เรียกเฉพาะที่ฟังดูคุ้นหูกว่า เช่น “ปป”, “ครึ่งลูก”, “ครึ่งควบลูก” หรือ “ลูกครึ่งควบสอง” ซึ่งคำเหล่านี้คือ คำศัพท์ที่แปลมาจากราคาสากลโดยตรง
ราคาสากล | เขียนแบบไทย | ศัพท์เรียกแบบไทย |
---|---|---|
0.0 | 0 | เสมอ |
0.25 | 0–0.5 | เสมอควบครึ่ง |
0.5 | 0.5 | ครึ่งลูก |
0.75 | 0.5–1.0 | ครึ่งควบลูก |
1.0 | 1 | หนึ่งลูก |
1.25 | 1–1.5 | ลูกควบลูกครึ่ง |
1.5 | 1.5 | ลูกครึ่ง |
1.75 | 1.5–2.0 | ลูกครึ่งควบสอง |
2.0 | 2 | สองลูก |
คำศัพท์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ใช้เรียกในการพูดคุย แต่ยังพบในโพยบอล เว็บบอร์ดวิเคราะห์ และแม้แต่บทความข่าวบอลบางแห่ง การเข้าใจว่า “0.75” คือ “ครึ่งควบลูก” จะช่วยให้คุณ ตีความราคาและบทวิเคราะห์ได้ตรงจุด รวมถึงวางบิลได้อย่างไม่สับสน
💡 เกร็ดความรู้: หากคุณอยากดูวิธี “แปลราคาสากล” ให้เป็นคำศัพท์แบบไทยอย่างแม่นยำ ลองอ่านบทความนี้: วิธีแปลราคาบอลสากลให้เป็นคำไทยแบบเข้าใจง่าย
คำศัพท์ราคาบอล ในหมวด “อัตราจ่าย / ค่าน้ำ”

นอกจากอัตราต่อรองแล้ว อีกหนึ่งหมวดคำศัพท์ที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ คำศัพท์เกี่ยวกับอัตราจ่าย หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ค่าน้ำ” ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดว่า เมื่อคุณชนะเดิมพัน คุณจะได้เงิน “กี่บาท” จากเงินที่แทงไป หรือถ้าแพ้ จะเสียเต็มหรือแค่บางส่วน
ค่าน้ำเป็นองค์ประกอบที่อยู่ในทุกบิลเดิมพัน ไม่ว่าจะเป็นบอลเต็ง บอลสเต็ป หรือ 1X2 และยังเป็นตัวชี้วัดที่ใช้ตัดสินว่า ฝั่งไหน “คุ้มกว่า” เมื่อพิจารณาควบคู่กับอัตราต่อรอง เช่น
– ฝั่งหนึ่งอาจต่อ 0.5 แต่น้ำจ่ายแค่ +0.68
– อีกฝั่งรอง 0.5 แต่น้ำจ่าย +0.94
แค่เข้าใจอัตราต่อรองอย่างเดียวอาจยังไม่พอ ถ้าไม่รู้ว่าค่าน้ำแปลว่าอะไร และส่งผลอย่างไรต่อ “กำไร” หรือ “ความเสี่ยง” ของคุณ
ในหมวดนี้เราจะอธิบายคำศัพท์สำคัญเกี่ยวกับค่าน้ำ และพาไปรู้จักกับประเภทของค่าน้ำที่พบบ่อยที่สุดในเว็บเดิมพัน เพื่อให้คุณมองภาพรวมของราคาบอลได้ครบทุกมิติ
อัตราจ่าย หรือ ค่าน้ำคืออะไร?
ค่าน้ำ คือคำศัพท์ราคาบอลที่ใช้เรียกอัตราจ่ายของแต่ละฝั่งในการแทงบอล โดยจะแสดงเป็นตัวเลขประกบอัตราต่อรอง เช่น -0.95, +0.85, 1.90 ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดว่า เมื่อคุณแทงถูกจะได้กำไรเท่าไหร่ และถ้าแทงเสียจะเสียเต็มหรือเสียบางส่วน

ค่าน้ำมีหน้าที่คล้ายกับ “ตัวคูณเงิน” เช่น:
ค่าน้ำ 0.85 → แทง 100 ได้กำไร 85
ค่าน้ำ -0.95 → แทง 100 ถ้าเสียจะเสีย 95
ดังนั้น ค่าน้ำไม่ใช่แค่ตัวประกอบของราคาบอล แต่คือ “ตัวแปรสำคัญในการคิดกำไร–ขาดทุน” ของทุกบิลเดิมพัน ไม่ว่าคุณจะแทงบอลเต็ง สเต็ป หรือ 1X2 ก็ตาม
นอกจากนี้ ค่าน้ำยังใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการ “ประเมินความคุ้มค่า” ของการเดิมพัน เช่น ถ้าสองทีมมีอัตราต่อรองเท่ากัน แต่ฝั่งหนึ่งจ่ายเต็ม อีกฝั่งจ่ายต่ำกว่า → ฝั่งที่จ่ายมากกว่ามักถูกมองว่าคุ้มกว่าในเชิงความเสี่ยง (แม้บางครั้งจะเสี่ยงสูงกว่าก็ตาม)
คำศัพท์เกี่ยวกับค่าน้ำที่มือใหม่ควรรู้ (MY, EU, HK, อินโด)
เมื่อคุณแทงบอลออนไลน์ จะพบคำบางคำที่ปรากฏอยู่ข้างอัตราต่อรอง เช่น MY, EU, HK หรือ Indo ซึ่งคำเหล่านี้คือ คำศัพท์ราคาบอลเฉพาะที่ใช้เรียกระบบค่าน้ำ หรือก็คือ “รูปแบบการคิดเงิน” ในแต่ละเว็บเดิมพัน โดยแต่ละแบบมีวิธีคิดผลได้–เสียต่างกัน และส่งผลต่อความคุ้มค่าของบิลที่คุณเล่น
ถ้าคุณไม่เข้าใจว่าคำเหล่านี้หมายถึงอะไร อาจทำให้คุณเลือกฝั่งที่จ่ายน้อยกว่าโดยไม่รู้ตัว หรือสับสนว่าทำไมบางบิลเสียไม่เต็ม ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากระบบ “ค่าน้ำ” ที่คุณเลือกนั่นเอง
ต่อไปนี้คือคำศัพท์เกี่ยวกับค่าน้ำที่คุณควรรู้ พร้อมคำอธิบายแบบเข้าใจง่าย:
1. ค่าน้ำมาเลย์ (MY Odds)

แสดงผลเป็นเลข บวกหรือลบ
เลขลบ (เช่น -0.95) → แทง 100 ถ้าเสียจะเสีย 95
เลขบวก (เช่น +0.85) → แทง 100 ได้กำไร 85
ข้อดี: ลดความเสี่ยงขาดทุนเต็มจำนวน, เป็นที่นิยมในไทยและเอเชีย
ข้อเสีย: มักจ่ายน้อยในคู่ที่ความเสี่ยงต่ำ
2. ค่าน้ำฮ่องกง (HK Odds)

แสดงเป็น เลขบวกทั้งหมด เช่น 0.95, 1.10
แทง 100 ได้ “กำไรตามค่าน้ำ” → 100 x 1.10 = ได้ 110 (ไม่รวมทุน)
ข้อดี: เข้าใจง่าย, เห็นกำไรชัดเจน
ข้อเสีย: ถ้าเสีย = เสียเต็มทุกกรณี
3. ค่าน้ำยุโรป (EU Odds หรือ Decimal Odds)

แสดงเป็นเลข รวมทุน เช่น 1.90, 2.05
แทง 100 ได้ “รวมกำไร + ทุน” → ค่าน้ำ 2.00 = ได้กลับมา 200
ข้อดี: เป็นระบบมาตรฐานสากล, ใช้งานง่าย
ข้อเสีย: ต้องแยกคิด “กำไรจริง” เองหากต้องการดูผลชัด ๆ
4. ค่าน้ำอินโด (Indo Odds)

คล้าย MY Odds แต่แสดงแบบอิงจำนวนเท่าของเงินแทง
เลขบวก → แทง 100 ได้ตามค่าน้ำ (เช่น 1.25 = ได้ 125)
เลขลบ → แสดงจำนวนเงินที่ต้องแทงเพื่อให้ได้กำไร 100 (เช่น -1.25 = แทง 125 เพื่อได้ 100)
ข้อดี: มักใช้ในตลาดอเมริกา, เข้าใจง่ายสำหรับสายตัวเลข
ข้อเสีย: ซับซ้อนกว่าระบบอื่นสำหรับผู้เริ่มต้น
คำศัพท์เหล่านี้อาจดูเฉพาะทางในตอนแรก แต่เมื่อคุณเข้าใจแล้วมันจะกลายเป็นตัวช่วยสำคัญในการเลือกเล่นฝั่งที่ “คุ้มกว่า” หรือ “ปลอดภัยกว่า” ทั้งในแง่กำไร และความเสี่ยงในบิล
หากคุณอยากเข้าใจวิธีคำนวณค่าน้ำแบบละเอียดในแต่ละระบบ
สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ “วิธีคิดเงินแทงบอลจากค่าน้ำทุกประเภท” เร็ว ๆ นี้
คำศัพท์เสริมที่เกี่ยวข้องกับผลตอบแทน (ได้เต็ม, เสียครึ่ง, เจ๊า ฯลฯ)
นอกจากคำศัพท์ที่ใช้เรียกระบบค่าน้ำแล้ว ยังมีอีกชุดคำศัพท์ที่มือใหม่ควรรู้ นั่นคือ คำที่ใช้บ่งบอกผลตอบแทนของบิล ซึ่งมักจะปรากฏอยู่ในบทวิเคราะห์บอล, หน้าแสดงผลของเว็บเดิมพัน และบทสรุปหลังการแข่งขัน เช่น “ได้เต็ม”, “เสียครึ่ง”, “เจ๊า” — คำเหล่านี้ไม่ได้แค่ใช้เรียกเฉย ๆ แต่มีผลต่อการคำนวณเงินจริงในทุกบิลที่คุณเล่น
การเข้าใจศัพท์เหล่านี้จะช่วยให้คุณ “อ่านผลการเดิมพัน” ได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นบิลเต็งหรือสเต็ป และยังช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์ราคาได้แม่นขึ้น เช่น เข้าใจทันทีว่าราคา 0.75 ชนะ 1 ลูก = ได้ครึ่ง หรือแพ้ 1 ลูก = เสียครึ่ง
ต่อไปนี้คือคำศัพท์ที่คุณควรรู้ พร้อมความหมายแบบเข้าใจง่าย:
ได้เต็ม → ได้เงินเต็มจำนวนตามค่าน้ำที่ระบุ เช่น แทง 100 ค่าน้ำ 0.95 ได้กำไร 95
ได้ครึ่ง → ได้เงินครึ่งหนึ่งของค่าน้ำ เช่น แทง 100 ค่าน้ำ 1.00 ได้กำไร 50
เสียครึ่ง → เสียเงินครึ่งหนึ่ง เช่น แทง 100 เสียแค่ 50
เสียเต็ม → เสียเงินเต็มจำนวนที่แทง
เจ๊า → ไม่ได้ไม่เสีย คืนทุน
💡 เกร็ดความรู้: หากคุณอยากรู้วิธีหาผลลัพธ์เดิมพันแบบละเอียด ว่า ได้เต็ม ได้ครึ่ง เจ๊า หรือเสียครึ่ง มาจากอะไร และมีหลักการคิดแบบไหน ลองอ่านบทความนี้ วิธีหาผลลัพธ์เดิมพันอัตราต่อรองแบบเอเชียนแฮนดิแคป
สรุปราคาบอลที่มือใหม่ต้องรู้ ก่อนเริ่มเดิมพัน
เมื่อคุณทำความเข้าใจ คำศัพท์ราคาบอล ครบทั้ง 2 หมวด คือ อัตราต่อรอง และ อัตราจ่าย (ค่าน้ำ) แล้ว คุณก็พร้อมแล้วที่จะอ่านบิลเดิมพันได้อย่างแม่นยำ วิเคราะห์ราคาบอลได้ลึกขึ้น และรู้ทันว่าราคาที่เห็นนั้นคุ้มค่าหรือมีความเสี่ยงแฝงมากแค่ไหน
คำศัพท์อย่าง “ต่อครึ่งควบลูก”, “เสียครึ่ง”, “ค่าน้ำลบ”, หรือแม้แต่คำย่ออย่าง MY, EU, HK จะไม่ใช่เรื่องชวนสับสนอีกต่อไป เพราะคุณเข้าใจแล้วว่ามันส่งผลต่อ “ผลเดิมพัน” และ “เงินในมือ” อย่างไร
ไม่ว่าคุณจะเล่นบอลเต็ง บอลสเต็ป หรือเลือกฝั่งรองในราคาที่ดูคุ้มค่า สิ่งสำคัญคือ คุณไม่ได้แค่แทงตามสัญชาตญาณอีกต่อไป แต่กำลังใช้ “ความเข้าใจ” เป็นอาวุธในการตัดสินใจทุกครั้งที่วางบิล
🎯 หากสนใจสมัครแทงบอลกับเรา 569club คลิกเลย และเริ่มต้นเดิมพันด้วยความรู้ที่คุณเข้าใจจริง